Monday, June 01, 2009

ชาย 2 คนกับละครชีวิตที่มีมนุษย์เป็นผู้กำกับ

ชายคนหนึ่ง เกิดมาต้องต่อสู้กับชีวิต ดิ้นรนกับความยากลำบากตั้งแต่ยังเล็ก ล้มแล้วก็ลุก ลุกแล้วก็ล้ม สลับผลัดเปลี่ยนกันไป จนว้นหนึ่งพระเจ้าแลเห็นความวิริยะอุสาหะของชายคนนี้ จึงให้ได้พบกับความสำเร็จของชีวิต จนมีฐานะระดับมหาเศรษฐีดระดับต้นๆของประเทศ
ชายอีกคน เกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ ชีวิตไม่เคยพบกับความลำบาก การต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดของชายคนนี้ ก็คือการเพียรพยายามในการเรียนหนังสือให้จบตามหลักสูตร ตามความตั้งใจของตัวเอง

ชายคนแรก หลังจากประสบกับความสำเร็จของชีวิตทางด้านธุรกิจ ก็หมดความท้าทาย จึงหันเข้ามาสู่เวทีการเมือง แรกๆที่เข้าสู่การเมือง ก็อยากเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองของประเทศเสียใหม่ ด้วยการใช้นโยบายในการแก้ไขปัญหา แต่ไม่ได้ผล เพราะภาคการเมืองช่วงนั้นอ่อนแอ มีหลายพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้การทำงานที่จะบรรลุตามนโยบายค่อนข้างลำบาก จงถอยฉากออกมา เพื่อตั้งหลักใหม่
ชายอีกคน หลังเรียนจบก็เข้าสู่การเมือง จากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ประกอบการพูดจาที่เฉียบแหลม ทำให้ประสบกับความสำเร็จในเวทีเลือกตั้ง

ชายคนแรก หลังจากตั้งหลักได้ ก็เข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ดูเยี่ยงอย่างจากสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่พรรคการเมืองเข้มแข็ง ทำให้เศรษฐกิจก้าวหน้า จึงได้รวบรวมพรรคต่างๆ กลุ่มต่างๆให้มารวมเป็นพรรคเดียว และจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากอย่างมีเอกภาพ จนทำให้นโยบายต่างๆภายใต้การนำของชายผู้นี้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จนเลือกตั้้งในครั้งที่สองได้รับการเลือกเข้ามาอย่างถล่มทลาย ทำลายประวัติศาสตร์การเลือกตั้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนไ้ด้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียว
ชายคนหลังๆจากเป็นผู้แทน เป็นโฆษก เป็นรัฐมนตรี ก็ไม่มีผลงานอะไรโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวถึงของสังคม แต่กลับได้เป็นหัวหน้าพรรค เพียงเพราะรูปร่างหน้าตา และยังไม่มีประวัติที่ด่างพร้อยพอให้สังคมขุดคุ้ย แต่ก็ไม่ได้แสดงภาวะผู้นำในการเป็นหัวหน้าพรรคแต่อย่างไร นอกจากการตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างดี เท่านั้นเองที่เป็นผลงานทำให้ให้แก่พรรค

ชายคนแรก ได้ดำเนินการเพื่อพี่น้องชาวรากหญ้า ด้วยการรักษาโรคด้วยเงินเพียง 30 บาท กองทุนหมู่บ้านเพื่อให้คนจนเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย ส่งเสริมหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล จนชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยปราบมาเฟีย เพื่อให้ชาวบ้านผู้ยากไร้ต้องถูกข่มเหง ปราบยาเสพติดอย่างได้ผล ทำให้ครอบครัวได้ลูกหลานกลับคืนสู่อ้อมอกและเป็นคนที่มีประสิทธิภาำพต่อไป อีกทั้งการนำหวยใต้ดินขึ้นสู่บนดิน ได้ทั้งภาษีจากการขายหวยมาช่วยนักศักษาผู้มีปัญญาแต่ขาดโอกาส ทั้งยังเป็นการปราบหวยเถือนได้อย่างชะงัด
ชายคนที่สอง กลับเห็นเป็นตรงข้าม การรักษาโรคด้วยเงินเพียง 30 บาททำให้เกิดสมองไหล แพทย์ต่างๆหมดกำลังใจ กองทุนหมุ่บ้านเป็นการสร้างหนี้ให้ภาคครัวเรือน การปราบยาเสพติดที่เข้มข้น เป็นการทำลายสิทธิมนุษยชน การทำหวยเป็นการมอมเมาประชาชน แต่ก็ยังไ่ม่เคยเสนอความเห็นในการช่วยเหลือชาวบ้านได้ดีกว่า

เหตุการณ์ดำเนินถึงตอนนี้ เริ่มมีคนเข้ามากำกับเส้นทางชีวิตของชายทั้งสองให้เป็นไปตามละครที่กำหนดไว้

ชายคนแรก จากพ่อค้านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักการเมืองที่ทำงานให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ไม่เคยมีประวัติฉ้อโกง ไม่มีท่าทีที่จะจาบจ้วงสถาบัน ไม่มีเค้าว่าจะเป็นคนกลายชาติ ท่านผู้กำกับก็กำกับแบบหักมุม กลายเป็นบุคคลที่เลวอย่างมหาเลว จากไม่เคยโกง ก็กลายเป็นโกงอย่างมหาโกง กลายมาเป็นคนที่จ้องจะล้มสถาบัน เป็นคนขายชาติ
ชายคนที่หลัง กลับกลายมาเป็นนายกฯที่ขาวสะอาด กลายมาเป็นนายกฯที่ดีที่สุด กลายเป็นนายกฯที่รักประชาธิปไตย และเพียงชั่วค่ำคืน กลายมาเป็นนากยฯที่มีภาวะผู้นำสูงสุด และกลายเป็นนายกฯที่ประชาชนให้ความศรัทธาอย่างมากในเวลาเพียง 5 เดือนในการบริหารแผ่นดิน

แต่ถึงอย่างไรละครชีวิตเรื่องนี้ยังไม่จบ ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าผู้กำกับยังต้องการให้ละครเรื่องนี้จบอย่างไร แต่ชาย 2 คนนี้ก็ผูกพันธ์กับอนาคตของคนอีก 60 กว่าล้านคน ซึ่งไม่มีโอกาสร่วมแสดงด้วย เพราะคนทั้ง 60 กว่าล้านคนเป็นได้แค่หุ่นกระบอกที่มีเชือกที่มองไม่เห็นหลายเส้นผูกติดอยู่ แ้ล้วแต่คนชักจะชักไปทางใหน ไม่มีสิทธิ์คิดเอง ไม่มีิสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง

สำหรับผมไม่ยอมที่จะเป็นหุ่นกระบอกให้ใครชัก ไม่ว่าจะดีสักแค่ใหน ชีวิตของผม ผมขอเลือกทางเดินของผมเองดีกว่า ถึงจะเลวร้ายก็เป็นเพราะผมเลือกเอง ดังนั้นสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้ก็คือการหาทางตัดเชือกที่มองไม่เห็นให้ขาด เพื่อหลุดจากการควบคุม แล้วท่านล่ะ ยังอยากเป็นหุ่นต่อไปหรือครับ