Monday, June 01, 2009

อดีตคนเดือนตุลามองพรรคพันธมิตรฯ

อดีตคนเดือนตุลามองพรรคพันธมิตรฯ

“พรรคพันธมิตรฯน่าจะไปได้ แต่คงไม่โต เพราะมีฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบเพราะทำงานการเมืองมานาน มีฐานมวลชน อย่างมากพรรคพันธมิตรฯจะได้เต็มที่ 10-20 เสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า และจะเป็นพรรคเล็กๆพรรคหนึ่งในสภา”

นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคนเดือนตุลา กล่าวกับ “โลกวันนี้” ถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่แย้มว่าอาจใช้การบริหารพรรคแบบ “โปลิตบูโร” และพร้อมที่จะเดินคู่กับกลุ่มอำมาตย์ว่า น่ายินดีและน่าสนใจที่กลุ่มพันธมิตรฯพร้อมจะเดินคู่กับระบอบอำมาตยาธิปไตย เรื่องนี้ถ้ามองในเชิงประชาธิปไตยก็เป็นสิทธิที่ทำได้ เพียงแต่มีความรู้สึกว่าในทางประวัติศาสตร์ระบอบอำมาตยาธิปไตยไม่สอดคล้องกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย

“ผมอาจจะท้วงว่าเป็นเรื่องโบราณเกินไป อย่าไปรักษาไว้เลย ควรปล่อยให้พังทลายไป แต่ในทางประชาธิปไตยถ้าพันธมิตรฯจะเอาอย่างนั้นก็แล้วแต่เขา ถ้าประชาชนเสียงข้างมากอยากเลือกฝ่ายอำมาตย์ก็แล้วแต่ และที่พันธมิตรฯประกาศตัวว่าจะเป็นพรรคฝ่ายอำมาตย์ก็ชัดเจนดี ในส่วนตัวผมไม่เอาระบอบอำมาตย์ เพราะผมสู้กับระบอบนี้มาตลอด และก็จะต่อสู้ต่อไป”

ส่วนที่พันธมิตรฯจะใช้รูปแบบ “โปลิตบูโร” นั้น นายสุธาชัยกล่าวว่า เป็นการจัดองค์กรภายในที่ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะระบบโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อมีการเลือกคณะกรรมการกลางแล้วก็เลือกคล้ายๆกับเป็นคณะกรรมาธิการย่อยชุดหนึ่งมาทำงานด้านการเมือง แต่ในทางปฏิบัติ งานการเมืองเป็นใจกลางของพรรค คณะกรรมการหรือโปลิตบูโรก็จะคุมแกนนำของพรรคไปในตัวด้วย การนำระบบโปลิตบูโรมาใช้จึงไม่มีอะไรเสียหาย เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่ใช้กัน ซึ่งมีความชัดเจนดีว่าใครทำหน้าที่อะไรด้านการเมือง ถือเป็นข้อดีของพันธมิตรฯ

ส่วนพันธมิตรฯจะผลักดันการเมืองใหม่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยได้หรือไม่นั้น ถ้าพันธมิตรฯมีความมั่นใจ จะเป็นการเมืองแบบไหนก็ตามถ้าประชาชนเอาด้วยก็ได้ทั้งนั้น ถ้าพันธมิตรฯคิดว่าการเมืองใหม่ของเขาดีจริงก็ผลักดันให้ประชาชนเห็นด้วย เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเคารพความเห็นที่แตกต่าง แต่จะเอาความต่างนั้นมาตัดสินด้วยสันติวิธี ด้วยเสียงข้างมากของประชาชน เพราะประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบถาวร ไม่เหมือนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ประชาธิปไตยมีเงื่อนเวลา 4 ปี ถ้าทำไม่ได้ประชาชนก็เลือกคนอื่นพรรคอื่น

“พรรคพันธมิตรฯน่าจะไปได้ แต่คงไม่โต เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอคือฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดว่าประชาชนที่เลือกหรือสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะไม่เลือกพรรคพันธมิตรฯ เรื่องฐานเสียงจึงเป็นข้อจำกัด ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบเพราะทำงานการเมืองมานาน มีฐานมวลชน ผมไม่คิดว่าพรรคพันธมิตรฯจะเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ พรรคพันธมิตรฯอย่างมากได้เต็มที่ 10-20 เสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า และจะเป็นพรรคเล็กๆพรรคหนึ่งในสภา แต่ถ้าพรรคพันธมิตรฯชนะ ประชาชนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์หันมาเลือกพรรคพันธมิตรฯเป็นรัฐบาลผมก็รับได้ แต่กลัวถูกคุกคาม ถูกทำร้ายแค่นั้นเอง เพราะพรรคพันธมิตรฯแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นฝ่ายขวาจัด เราก็ทำอะไรไม่ได้”

นายสุธาชัยยังให้ความเห็นกรณีพันธมิตรฯอาจจับมือกับกลุ่มคนเสื้อแดงในการพัฒนาประชาธิปไตยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอุดมการณ์ไปคนละทางกัน พรรคพันธมิตรฯอาจจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเหมือนกัน แต่ขบวนการเสื้อแดงมีจุดมุ่งหมายในการสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ ขอย้ำว่ายากที่พันธมิตรฯจะจับมือกับกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อพัฒนาระบอบประชาธิปไตยร่วมกัน อย่างมากก็ไม่ตีกัน คือต่างคนต่างเลือกทางเดิน ซึ่งก็หวังตรงนั้น ปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะเห็นด้วยกับฝ่ายใด ถ้าทำได้จะเป็นฉากที่ดีมาก เป็นการเคารพความแตกต่างของกันและกัน และไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ถ้ารับได้ก็ร่วมกันไปนานแล้ว

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 4 ฉบับที่ 209 วันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2552 หน้า 5 คอลัมน์ ล้อมกรอบเรื่องจากปก