Monday, April 27, 2009

มาเฟียสื่อมวลชน







สื่อใหญ่ฮ่องกงลากไส้ พฤติกรรมฉาวโฉ่ สนธิ

HK Asia Weekly ชำแหละประวัติ และพฤติกรรม “สนธิ ลิ้ม” ที่โดนลอบสังหาร ราวกับหนังชอว์บราเดอร์ ฝีมือกำกับของ ‘จางเชอะ’ เพราะเลือดอาบ แต่ลุกขึ้นมาให้ช่างภาพในเครือถ่ายรูปได้หน้าตาเฉย แถมตั้งข้อสังเกตการเสนอข่าวของเว็บผู้จัดการ ตอนแรกตีข่าว “กระสุนเฉียดคิ้ว” แต่ไม่กี่นาทีแก้เป็น “อาการสาหัส”



วันถัดมานสพ.ในเครือชูเป็น “เทวดา” เพราะฆ่าไม่ตาย พร้อมลากไส้ “ธาตุแท้” ทำธุรกิจล้มละลาย แต่อาศัยขอผู้สนับสนุนพธม. ควักกระเป๋าบริจาค เพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงานให้อยู่รอด

วันที่ 23 เม.ย. 2552 ผู้สื่อข่าวพิเศษ "ไทยอินไซเดอร์" รายงานจากเกาะฮ่องกงว่า นิตยสาร Hong Kong Asia Weekly (หรือในชื่อภาษาจีน "ย่าโจวโจวคาน" ซึ่งเป็นนิตยสารเชิงการเมืองภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตีพิมพ์บนเกาะฮ่องกง วางจำหน่ายทุกวันพฤหัสบดีและอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก) ได้ตีพิมพ์เนื้อหาที่เกี่ยวกับคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไว้น่าสนใจ โดยพาดหัวข่าวว่า “ปมปริศนาที่คลายไม่ตก คดีสังหารสนธิลิ้ม” มีเนื้อหาว่า...

ปรากฏการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยการนำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริหารประเทศมา 4 เดือนนั้น ได้เผชิญกับ “ลัทธิสุดขั้ว” และความรุนแรงอย่างไม่ขาดสาย ทางการไทยเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจการปราบปรามจลาจลช่วงสงกรานต์ปีใหม่ไทย อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 135 คน เดิมทีคิดว่าสถานการณ์ได้กลับคืนสู่ความสงบแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่า ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ (หลิน หมิงต๋า林明達 ) เจ้าพ่อสื่อเชื้อสายจีน ซึ่งเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ และเป็นผู้นำกองทัพเสื้อเหลืองหรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 17 เม.ย. รถประจำตำแหน่งถูกคนร้ายไม่ทราบที่มา กระหน่ำยิงถึง 84 นัด กะโหลกศีรษะและหน้าอกของสนธิ ถูกยิงจนเลือดไหลไม่หยุด หลังจากผ่าตัดแล้วพ้นขีดอันตราย แต่บอดี้การ์ดและคนขับรถอาการสาหัสจมกองเลือด การลอบสังหารครั้งนี้ ทำให้สถานการณ์การเมืองประเทศไทยซับซ้อนมากขึ้น

ทางตำรวจสันนิษฐานว่า มีฆาตกรเกี่ยวพันกรณีสะเทือนขวัญนี้มากกว่า 7 คน สาเหตุการฆาตกรรมประกอบด้วยแผนร้ายทางการเมือง คู่แข่งทางธุรกิจ ความแค้นส่วนตัว ปัจจัยที่พัวพันกับ “บุคคลที่เป็นกิ๊ก” ก็ไม่ได้ถูกตัดออกไป ทนายของสนธิฯและแกนนำพธม. คนอื่นๆ ฟันธงว่า คดีนี้เป็น “การล้างแค้นทางการเมือง” หรือ “ผู้ลงมือเป็นกลุ่มทหาร” เป็นต้น โดยจุดประสงค์การลอบสังหารก็เพื่อต้องการสร้างความวุ่นวายอีกระลอกหนึ่ง เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ถูกทำลาย ฝ่ายทหารได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอย่าคาดเดาเหตุการณ์ไปเอง นายกฯอภิสิทธิ์สั่งเร่งรัดให้ตำรวจคลี่คลายคดี จับกุมคนร้ายและผู้อยู่เบื้องหลังโดยเร็วไว พร้อมกำชับแพทย์ ให้ดูแลรักษานายสนธิ อีกทั้งส่งตำรวจดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

โดยกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ มาจาก AK- 47 จำนวน 64 นัด มาจาก HK33 จำนวน 17 นัด อีก 3 นัดมาจาก M 16 ส่วนอีกหนึ่งนัดเป็นหัวกระสุนที่มาจาก M 79 ที่ยังไม่ระเบิด รถเมล์ที่ผ่านที่เกิดเหตุคันหนึ่งถูกลูกหลง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ขาหนึ่งคน เวลาประมาณตีห้าครึ่งของวันนั้น นายสนธิ ซึ่งปีนี้อายุ 61 ปี ได้นั่งรถส่วนตัวจากบ้านพักในกรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าสู่บางลำพูเพื่อจัดรายการวิเคราะห์ข่าวช่วงหกโมงเช้าของสถานีเคเบิ้ล ASTV ที่เขาบริหารอยู่ ระหว่างผ่านหน้าวัดซึ่งใกล้กับธนาคารกลางนั้น ก็ถูกยิงกราดอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้น นายสนธิถูกส่งตัวเข้าวชิรพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง รับการรักษาฉุกเฉินเป็นเวลา 2 ชั่วโมง แพทย์ผ่าตัดนำสะเก็ดกระสุน 4 ชิ้นออกจากบริเวณศีรษะได้สำเร็จ นายสนธิมีสติตอบคำถามของแพทย์ได้ แต่เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้ มีสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงซึ่งต่อต้านรัฐบาลอภิสิทธิ์ เข้ารักษาหลังจากการปราบปรามจลาจลอยู่ไม่น้อย ดังนั้น หลังการผ่าตัดนายสนธิ ซึ่งยืนคนละฟากกับพวกเขาเหล่านั้น จึงได้ขอย้ายไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากญาติผู้พี่ของนายสนธิ เป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลจุฬาฯแห่งนี้ อีกทั้งแพทย์ส่วนใหญ่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็เชียร์พันธมิตรฯ ความปลอดภัยค่อนข้างไว้ใจได้ ทั้งนี้มีรายงานว่า นอกจากญาติ-เพื่อนสนิทและบุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว นายสนธิปฏิเสธให้ผู้อื่นเข้าเยี่ยม โดยหลังจากรับการผ่าตัด ซึ่งพ้นขีดอันตราย นายสนธิสามารถเดิน นั่ง และรับประทานอาหารด้วยตนเองได้

ข่าวลอบสังหารนายสนธิ สะเทือนไปทุกวงการในสังคม เนื่องจากวันเกิดเหตุการณ์ยังเป็นช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เห็นได้ชัดว่าผู้ร้ายไม่เห็นแก่กฎหมาย กล้าลงมือกลางวันแสกๆ ทำให้ผู้คนหวาดกลัว นอกจากนี้อาวุธที่ผู้ก่อการใช้ ก็ล้วนเป็นอาวุธสงคราม ประสงค์จะปลิดชีพให้ได้ ตำรวจได้สืบหาที่มาของ “ปืนเถื่อน” อย่างเร่งด่วน ที่ทำให้คนอดคิดไม่ได้ก็คือ หลังจากที่นายสนธิถูกยิง ตัวอาบไปด้วยเลือด แต่ “รอดตายราวปาฏิหาริย์” นั้น ยังสามารถลุกขึ้นมาจากรถที่โดนห่ากระสุนปืน เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สวมเสื้อสีขาวที่มีรอยเลือดเป็นหย่อมๆ ให้ช่างภาพ “นสพ. ผู้จัดการ” ภายใต้เครือของตน “ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน” เพื่อออกทางอินเตอร์เนต เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็น “ชายเหล็กดวงแข็ง” ราวกับภาพยนตร์แนวแมน กำกับโดย ‘จางเชอะ’ แห่งชอว์บราเดอร์

เว็บไซต์ “ผู้จัดการ” ที่นายสนธิ อำนวยการนั้น ตอนแรกตีข่าว “ลูกกระสุนเฉียดคิ้ว” แต่ไม่กี่นาทีต่อมาแก้เป็น “อาการสาหัส” วันถัดมา “นสพ.ผู้จัดการ” ที่เป็นกระบอกเสียงให้พันธมิตรฯ ยกนายสนธิเป็น ‘เทวดา’ พาดหัวตัวอักษรสีแดงบนพื้นสีดำว่า “สนธิฆ่าไม่ตาย” “คนดีพระคุ้ม” เนื้อข่าวของ “คนดีไม่โดดเดี่ยว” เกาะติดรายงานอย่างใกล้ชิด

ทว่า ในความคิดของคนทั่วไป ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นายสนธิก่อความกระทบกระเทือนให้การเมืองไทย บุคคลทางการเมืองที่เห็นตรงข้าม จะถูกคำพูดเสียดแทงของเขาด่ากราดไปทั่ว มีบทวิจารณ์ท้องถิ่นกล่าวว่า “สนธิลิ้มฯหาทุกข์เข้าตัว เพราะเขาสร้างศัตรูไปทั่วทิศ ก็สมควรแล้ว” หลายเดือนก่อนที่นายสนธิถูกยิง หนังสือพิมพ์แทบลอยด์และเว็บไซต์ท้องถิ่นบางแห่งลือว่านายสนธิ “ซ่อนสาวน้อยไว้ในเรือนทอง” มีสัมพันธ์ลับๆ กับ “สาวงามลึกลับ” ระดับนางงามสากลและสาววงการบันเทิง นอกจากนี้ความน่าเชื่อทางธุรกิจของนายสนธิ ก็มีปัญหามาก เครือผู้จัดการที่เขาดำเนินธุรกิจ มีหนี้สะสมประมาณ 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่สามารถชำระหนี้ได้ ปลายปีที่แล้วถูกศาลตัดสินล้มละลาย ผู้สนับสนุนหลักไม่น้อย หยุดลงโฆษณา เนื่องจากวาจาและการกระทำที่ดุดันและกระทบกระแทก เป็นผลให้หนังสือพิมพ์ภาษาไทยที่เคยเป็นสื่อกระแสหลักของเขาต้องขาดทุนยับเยิน ทำให้หันมาจัดกิจกรรมเสริม เช่น จัดคอนเสิร์ตทั่วทิศ ขอผู้สนับสนุนพันธมิตรฯควักกระเป๋าบริจาค เพื่อให้พนักงานกว่า 500 ชีวิตในเครืออยู่รอด

ก่อนหน้านี้ หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุน ‘ทักษิณ ชินวัตร’ บุกพัทยาทำให้การประชุมอาเซียนต้องล่มลง และการใช้กำลังทำร้ายนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่นานนัก นายสนธิก็ตำหนิติเตียนทางการ...ยกใหญ่ เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ “ปลด” ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคง, ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผบ.ตร. ให้หมด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ

ระหว่างที่นายสนธิเข้าโรงพยาบาล เนื่องจากมีผู้ประกาศข่าวเชื้อสายจีนของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งรายงานข่าวเขาในเชิงลบ นายสนธิโกรธจัดถึงกับกล่าวว่า ออกโรงพยาบาลแล้วจะไปคิดบัญชี

นายสนธิผู้ซึ่งได้รับการศึกษาจากไต้หวันและสหรัฐอเมริกา มีฉายาว่า “มาเฟียสื่อมวลชน” ภายใต้เครือของเขามีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยอยู่หลายฉบับ มีสถานีโทรทัศน์เคเบิ้ลและสื่ออินเตอร์เนต บรรพบุรุษของเขามาจากหมู่บ้านซีโถวโพ อำเภอเหวินชาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ)